ฅนสุวรรณภูมิ http://suvarnabhumian.siam2web.com/


“ปฐมัง กัลลัง โหติ” เป็นพุทธวจนะ ที่แปลได้ตรงๆว่า “แต่เบื้องต้นนั้นมีสิ่งเดียว” และเป็นเวลากว่าสองพันปีที่ชาวตะวันตกได้ตระหนักถึงการเกิดของจักรวาล การเกิดสิ่งที่มีชีวิต ฯลฯ

 ฉันใดก็ฉันนั้น เวบไซท์นี้คงมิได้ก้าวล่วงไปถึงก้นบึ้งของชีวิตในภูมิภาคนี้ แต่จะขอมีส่วนในการสถาปนาแนวคิดที่อาจเอื้อประโยชน์ให้คนทั้งภูมิภาค ดังชื่อที่ตั้งไว้ว่า “ฅนสุวรรณภูมิ”(SUVARNABHUMIAN) 

“สุวรรณภูมิ” เป็นชื่อที่ต่างประเทศเรียกดินแดนแถบอุษาคเนย์มานมนานกาเล ซึ่งคงจะไม่ต้องสาวความกันมากเพราะมีหนังสือหรือบทความอ้างอิงมากมาย แต่เรื่องราวที่จะมาเล่าสู่กันฟังต่อแต่นี้จะเป็นเรื่องที่เกิดบนแผ่นดินผืนนี้ แผ่นดินที่ประกอบไปด้วยชนชาตินับไม่ถ้วนมารวมกันอยู่ คราใดชาติใดมีอำนาจก็เข้าครอบครองชาติใกล้เคียง ผลัดเปลี่ยนอำนาจการปกครองเมื่อชาตินั้นอ่อนแอ เป็นอย่างนี้มาแต่บรรพกาล ก่อให้เกิดการผสมผสานชาติพันธุ์ทั้งด้านขนบประเพณี ความเชื่อ วิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมไปจนถึงนานาศาสตร์นานาศิลป์ จนเกือบจะแยกจากกันไม่ออก  จึงพอสรุปคร่าวๆได้ว่าการดำรงอยู่ของคนขึ้นอยู่กับความผันผวนทางการเมืองที่ไม่เป็นระบบขึ้นอยู่กับการแสวงหาอำนาจและการสร้างกระแสจิตสำนึกให้กับท้องถิ่นนั้นๆ

 เรื่องของ“ฅนสุวรรณภูมิ”คือเรื่องราวของคนในอุษาคเนย์โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในอดีตกาล เป็นบทความที่รวบรวมมาจากผู้รู้ในด้านประวัติศาสตร์และสังคมอุษาคเนย์ที่อาจจะนำมาพิจารณาและประยุกต์ใช้ได้ในปัจจุบันโดยไม่ได้อาศัยหลักของการเมือง ระบบการปกครองหรือการแสวงหาอำนาจใดๆมาเป็นเกณฑ์ แต่จะใช้หลักที่เป็นกฎธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของสังคมในแต่ละยุคมาพิจารณา ทั้งนี้มีจุดประสงค์ให้ฅนสุวรรณภูมิได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆมา เพราะไม่ว่าใครจะแสวงหาอำนาจการปกครองในรูปแบบใด การดำเนินชีวิตของฅนสุวรรณภูมิก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากอย่างที่เข้าใจกัน

 อันความเหมือนในความแตกต่างเหล่านี้ เราไม่สามารถจะแยกแยะออกให้ชัดเจนได้แม้จะใช้อำนาจทางการเมืองเข้ามาแยก จะเห็นว่าส่วนใหญ่ของฅนสุวรรณภูมิอาจถือกำเนิดมาในรูปแบบเผ่าพันธุ์ต่างๆ แต่จุดเด่นคือมีความนอบน้อมถ่อมตน เอื้ออารีต่อกัน จึงเห็นว่าน่าจะเป็นประเด็นที่จะสถาปนาอัตลักษณ์ของฅนสุวรรณภูมิได้ด้วยอุปนิสัยที่ไม่เหมือนใครดังกล่าว

 ถ้าจะแปลคำว่าสุวรรณภูมิตรงตังก็คงจะหนีไม่พ้นคำว่า “ดินแดนแห่งทองคำ” แปลกันตามความรู้สึกแล้วก็คงจะเป็นแค่ “แผ่นดินทอง” อันหมายถึงแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ โดยผู้รู้ได้ตีความไว้สามประเด็นคือ

1.        ดินแดนที่อุดมด้วยแร่ทองคำ 

2.        ดินแดนแห่งโลหะที่มีสีเหลือง เช่นสำริดที่มีส่วนผสมบุก ทำให้มีสีเหลืองคล้ายทอง และ 

3.        ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และรุ่มรวยด้วยทรัพยากรธรรมชาติ 

ก็แล้วแต่จะตีความกัน เพราะทั้งสามความเห็นย่อมมีส่วนที่เป็นจริงบ้างไม่มากก็น้อย

 พอมาถึงสถานที่ก็ยังไม่เป็นที่ยุติ เพราะ ความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่จะอย่างไรก็ตามสถานที่ตั้งประเทศไทยในปัจจุบันก็น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่สุดของสุวรรณภูมิตามหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ ดังนี้

1.        ศูนย์กลางที่เมืองอู่ทอง สุพรรณบุรี (สมมุติฐานของศาสตราจารย์ ฌอง บัวเซลิเยร์)

2.        ศูนย์กลางที่เมืองไชยา สุราษฎ์ธานี (สมมุติฐานของหม่อมเจ้าจันจิรายุ รัชนี) และ

3.        ศูนย์กลางที่คาบสมุทรมาลายู (สมมุติฐานของ พอล วีทลีย์)

ก็เป็นอันว่าเราขมวดเรื่องสถานที่ตั้งดินแดนประวัติศาสตร์เข้ามาอีกหน่อย ที่สำคัญคือดินแดนแห่งนี้มีมนุษย์หลากเผ่าหลายพันธุ์อาศัยอยู่ และด้วยความหลากหลายปนเปกันมาแต่เบื้องบรรพกาล ทำให้เกิดลักษณะเด่นเฉพาะขึ้นมา และนี่คือแนวคิดที่จะขยายความของฅนสุวรรณภูมิให้บรรดาหลากเผ่าหลายพันธุ์อีกทั้งต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในดินแดนแถบนี้ได้เข้าใจ

ในบรรดาชาติพันธุ์ของฅนสุวรรณภูมิแต่เบื้องบรรพกาลชาวพื้นเมืองเหล่านี้มีความเชื่อและประเพณีในเรื่องผีบรรพบุรุษเป็นหลัก ต่อเมื่อพุทธศาสนาได้แผ่มาดินแดนแถบนี้จึงมีการจัดหมวดหมู่ขึ้นอย่างง่ายๆ จากนั้นศาสนาอื่นๆก็เข้ามาด้วยการอพยพหรือรุกราน การยึดครองฯลฯ ของกลุ่มศาสนานั้นๆ ชนชาติหลักก็เห็นจะเป็น พยู (ต้นตระกูลพม่า) ลาว –ไท มอญ มลายู เขมร แกว(ญวน) จาม ทำให้นักประวัติศาสตร์ตะวันตกเช่น จอร์ช เซย์เดย์ส เหมารวมเอาว่า ชนชาติเหล่านี้คือกลุ่ม มอญ-แขมร์  มิหนำซ้ำยังอุปโลกดินแดนแถบนี้ว่าเป็นรัฐที่รับอิทธิพลมาจากอินเดียโดยตรง (Indianized States)

 ต่อมาเมื่อเกิดนักวิชาการท้องถิ่นมากขึ้น แนวคิดก็ขยายออกไปจนแทบจะบดบังแนวคิดของตะวันตกโดยสิ้นเชิง เพราะปรากฏว่า รูปแบบของการปกครองแบบรัฐหนือนครรัฐในดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้แตกต่างกัยแนวคิดเดิมมาก และยังมีอัตลักษณ์ของแต่ละสังคมที่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันอัตลักษณ์โดยรวมก็ยังปรากฏอยู่ ในด้านอุปนิสัย ความเชื่อ ขนบประเพณีต่างของท้องถิ่น

เพื่อสร้างความเข้าใจกับภูมิลำเนาของมนุษย์ในภูมิภาคนี้เสียใหม่อาจจะนำกลุ่มประเทศในดินแดนสุวรรณภูมิและพื้นที่ใกล้เคียงไปสู่ความเข้าใจที่เลือนหายไปตามกาลเวลา และอาจนำมาใช้ประโยชน์ในด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมือง อันจะเป็นรากฐานที่สำคัญของภูมิภาครวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียนโดยรวม

 เจตนารมณ์ของคอลัมน์นี้เป็นการสร้างกระดานข่าวสำหรับทุกคนที่สนใจ ที่จะใช้พื้นที่นี้เป็นห้องเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเสริมสร้างพลังทางแนวคิดที่เสรีเพื่อประโยชน์โดยรวม


Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 898 Today: 2 PageView/Month: 2

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...